PULSE VOL.5 (July 2024)

ดนตรีแคนประยุกต์วัดโพธิ์ทองเจริญ

ตำบลพลับพลาไชย อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี

WAT PHOTHONGCHAROEN APPLIED KHAEN ENSEMBLE PHLPPHLA CHAI SUB-DISTRICT, U-THONG DISTRICT, SUPHANBURI PROVINCE.

- Natsarun Tissadikun

บทคัดย่อ

บทความเรื่องวงดนตรีแคนประยุกต์วัดโพธิ์ทองเจริญ ตำบลพลับพลาไชย อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอบทบาทของวงดนตรีแคนประยุกต์วัดโพธิ์ทองเจริญให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายมากขึ้น การศึกษาเพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาด้านการสืบทอดการบรรเลง ซึ่งนักศึกษาวิทยาลัยการดนตรี มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ที่ได้ใช้ทักษะ และใช้กระบวนการทางวิศวกรสังคมในการแก้โจทย์ปัญหาในชุมชน และนำมาคิดวิเคราะห์เพื่อสร้างนวัตกรรมเพื่อนำไปใช้ในการแก้ไขปัญหาและการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน

จากการศึกษาและสำรวจข้อมูล ได้พบปัญหาด้านการขาดการสืบทอดการบรรเลง ไม่มีเยาวชนคนรุ่นใหม่ให้ความสนใจและหันมารับการสืบทอดการบรรเลงต่อจากคนรุ่นเก่า ดังนั้น นักศึกษาจึงได้นำข้อมูลปัญหาดังกล่าวมาทำการคิดวิเคราะห์ ไปสู่การออกแบบและสร้างนวัตกรรมแผนการจัดตั้งชมรมวัฒนธรรมลาวบ้านขาม โดยเริ่มต้นจากการจัดเวทีเสวนาเพื่อหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องในชุมชน ณ วัดโพธิ์ทองเจริญ หารือด้านการออกแบบการดำเนินกิจกรรมของชมรม โดยให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ สืบทอด และเผยแพร่วัฒนธรรมการบรรเลงดนตรีแคนประยุกต์ของวัดโพธิ์ทองเจริญต่อไป

 คำสำคัญ : แคน วัดโพธิ์ทองเจริญ พลับพลาไชย อู่ทอง สุพรรณบุรี

Abstract 

 This article focuses on the applied Khaen ensemble of Wat Phothongcharoen in Phlapphla Chai Subdistrict, U Thong District, Suphanburi Province. Its aim is to promote the band's significance and address challenges in preserving its musical legacy. A volunteer group from Bansomdejchaopraya Rajabhat University's College of Music applied their musical skills, incorporating the Social Engineer process, to address and resolve societal issues. They aimed to transform this knowledge into sustainable community development. Survey data indicated that preserving folk music is not perceived as an engaging activity for the new generation in the community. After analyzing the data, activities were designed and innovated, leading to the establishment of the Ban Kham Laos Culture Club. This included organising a forum with community stakeholders at Wat Phothongcharoen. The forum focused on detailing the club's activities aimed at engaging the community in preserving, transmitting, and promoting their Khaen ensemble, fostering participatory involvement.

 Keyword : Khaen ; Wat Phothongcharoen ; Phlapphla Chai; U Thong ; Suphanburi

บทนำ

       การศึกษาวงดนตรีแคนประยุกต์วัดโพธิ์ทองเจริญ เป็นการศึกษาภายใต้งานเสวนาแนวทางการจัดตั้งชมรมวัฒนธรรมลาวบ้านขาม ณ วัดโพธิ์ทองเจริญ ตำบลพลับพลาไชย อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี
โดยเป็นส่วนหนึ่งของนวัตกรรมที่มาจากกระบวนการทางวิศวกรสังคม จัดโดยวิทยาลัยการดนตรี มหาวิทยาลัย  ราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา เพื่อให้นักศึกษาได้รับการพัฒนาศักยภาพทางด้านทักษะทางวิศวกรสังคม ประกอบไปด้วย 4 ทักษะ ดังนี้[1]

  1. ทักษะการเป็นนักคิด คือทักษะการคิดวิเคราะห์เชิงเหตุ-ผล เห็นปัญหาเป็นสิ่งท้าทาย
  2. ทักษะการเป็นนักสื่อสาร คือ ทักษะการสื่อสารองค์ความรู้เพื่อแก้ปัญหา
  3. ทักษะการเป็นนักประสานงาน คือ ทักษะการสร้างนวัตกรรมชุมชนและเกิดการพัฒนาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน
  4. ทักษะการเป็นนวัตกร นวัตกรรม คือ ทักษะการทำงานร่วมกันโดยปราศจากความขัดแย้ง ระดมสรรพกำลังและทรัพยากรในการแก้ปัญหา

จากประเด็นของกระบวนการทางวิศวกรสังคม ทั้งนี้ นักศึกษาวิทยาลัยการดนตรี ได้ทำการลงพื้นที่สำรวจปัญหาและความต้องการของชุมชนในพื้นที่ตำบลพลับพลาไชย โดยพบข้อมูลด้านปัญหาและความต้องการของกลุ่มวัฒนธรรมวงดนตรีแคนประยุกต์วัดโพธิ์ทองเจริญ ซึ่งอยู่ในชุมชนที่ยังขาดการถ่ายทอดการบรรเลง และการสืบทอดต่อการบรรเลงจากคนรุ่นหลัง จึงทำให้นักศึกษาได้เกิดการตั้งประเด็นคำถาม และการสร้างโจทย์ปัญหาในการคิดวิเคราะห์ เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขและพัฒนาในประเด็นดังกล่าว ด้วยเหตุนี้
จึงทำให้เกิดการสร้างนวัตกรรมแผนการจัดตั้งชมรมวัฒนธรรมลาวบ้านขามเกิดขึ้น โดยมีเวทีเสวนาที่มีคนในชุมชนที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ได้แก่ องค์การบริหารส่วนตำบลพลับพลาไชย เครือข่ายโรงเรียนระดับชั้นประถมศึกษา และระดับมัธยมศึกษา กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำชุมชน มาช่วยกันระดมสมอง และเสนอแนวคิดในการพัฒนาวัฒนธรรมลาวบ้านขาม และวงดนตรีแคนประยุกต์วัดโพธิ์ทองเจริญ (วัดบ้านขาม)
ในปัจจุบัน ซึ่งอยู่ในตำบลพลับพลาไชย อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี ให้คงอยู่และอนุรักษ์ไว้ รวมถึงการเผยแพร่สู่เยาวชนเพื่อรับการสืบทอดการบรรเลงในรุ่นต่อ ๆ ไป

 

  1. ลักษณะของวงดนตรีแคน

       เครื่องดนตรีแคน เป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องเป่าที่มีคุณลักษณะเสียงที่มีหลายเสียงประสานกัน รวมถึงเป็นเครื่องดนตรีที่มีความเก่าแก่ของภูมิภาคอุษาคเนย์ แคนทำจากวัสดุไม้ไผ่ โดยลำตัวมีวัสดุที่เป็นน้ำเต้า หรือใช้ไม้เนื้อแข็งนำมาเหลาทำเป็นเต้นแคน มีลิ้นอิสระ (Free Reed) มีวิธีการเป่าแบบการเป่าลมเข้าและการดูดลมออกเพื่อให้เกิดเสียง

แคนสามารถนำมาใช้ในการบรรเลงแบบเดี่ยวได้ เนื่องจากคุณลักษณะเสียงมีระดับเสียงหลากหลายประสานกัน นิยมนำมาใช้ในการบรรเลงกอบการขับลำ หรือบรรเลงเป็นกลุ่ม ที่เรียกว่า แคนวง ซึ่งแคนวงเกิดขึ้นครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ 5 ในกรมทหารมหาดเล็กได้นำแคนหลายขนาดมาใช้บรรเลงร่วมกัน[2] สำหรับวงแคนประยุกต์วัดโพธิ์ทองเจริญ ตำบลพลับพลาไชย มีผู้บรรเลงประมาณ 10 คน (ขึ้นอยู่กับความสมัครใจและเวลาว่างของสมาชิกหลังประกอบอาชีพอื่น ๆ) ลักษณะวงดนตรีแคนประยุกต์ มีเครื่องดนตรีแคน และพิณเป็นหลัก และต่อเติมเสริมอุปกรณ์ด้วยการต่อสายไฟฟ้าเข้ากับเครื่องขยายเสียง

Screenshot 2567-08-21 at 10.48.24

ภาพที่ 1 สมาชิกวงดนตรีแคนประยุกต์วัดโพธิ์ทองเจริญ ตำบลพลับพลาไชย

ที่มา : ณัฐศรัณย์ ทฤษฎิคุณ (2566)

       จากภาพที่ 1 สมาชิกวงดนตรีแคนประยุกต์วัดโพธิ์ทองเจริญ ตำบลพลับพลาไชย มีจำนวนผู้บรรเลงขึ้นอยู่กับความสมัครใจของสมาชิก และมีความรักในการบรรเลงดนตรีประเภทวงแคนประยุกต์
มีเครื่องดนตรีแคน และพิณเป็นเครื่องดนตรีบรรเลงทำนองหลัก และเครื่องประกอบจังหวะอื่น ๆ ตามที่หาได้ง่ายในท้องถิ่น และโดยทั่วไปอย่างเช่น กลองสองหน้า ฉิ่ง ฉาบ กรับ และคาวเบล (Cowbell)

 

  1. ความเป็นมาของวัฒนธรรมดนตรีแคนในอำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี

เมื่อกล่าวถึงวงดนตรีแคนในพื้นที่อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีวงดนตรีที่เป็นที่รู้จักกันในวงแคนประยุกต์จากตำบลบ้านดอนคาที่มีชื่อเสียง เนื่องจากเป็นชุมชนที่มีกลุ่มชาติพันธุ์ลาวเวียงที่อพยพมาจากเวียงจันทน์ และมาตั้งถิ่นฐานโดยได้มีการสืบทอดวัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิมของตนเองอย่างต่อเนื่อง รวมถึงวัฒนธรรมดนตรีลาวเวียงจันทน์ที่มีเครื่องดนตรีแคน เป็นอัตลักษณ์ของวัฒนธรรมดนตรีลาว แพร่ขยายมายังพื้นที่อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี ถึงแม้ว่ายุคสมัยที่มีความเปลี่ยนแปลงไปทางสังคมและวัฒนธรรม
เริ่มมีการผสมกลมกลืนของวัฒนธรรม และวิถีของชาวลาวเวียงที่อยู่ในตำบลบ้านดอนคาก็ตาม แต่ด้วยความ
มีอัตลักษณ์ทางสังคมวัฒนธรรมที่คงไว้อย่างเข้มแข็ง เริ่มมีการปรับตัวของวงดนตรีเพื่อรับใช้ชุมชน และการเปลี่ยนแปลงไปของรูปแบบประเพณี สังคม และวัฒนธรรมในปัจจุบัน ทำให้ดนตรีแบบลาวเวียงที่มีเครื่องดนตรีแคนบรรเลงเป็นหลัก ได้มีการประยุกต์วิธีการบรรเลงแบบใหม่ และนำเครื่องดนตรีตามยุคสมัยมาบรรเลงจนเรียกว่า วงแคนประยุกต์ ประกอบไปด้วย แคน พิณ ฉิ่ง ฉาบ กรับ และกลองสองหน้า เพื่อสร้างความสนุกสนานในกิจกรรมประเพณีต่าง ๆ ของชุมชน อีกทั้ง วงแคนประยุกต์ตำบลบ้านดอนคา มีจำนวนหลายวงและมีฝีมือในการบรรเลงที่ทำให้เกิดเป็นอาชีพและถูกว่าจ้างไปบรรเลงในงานอื่น ๆ ได้อย่างกว้างขวางจนกระทั่งถึงปัจจุบัน[3]

จากความเข้มแข็งของดนตรีแคนประยุกต์ของตำบลบ้านดอนคา อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี
ยังได้มีวัฒนธรรมดนตรีแคนในอีกพื้นที่หนึ่ง คือพื้นที่ตำบลพลับพลาไชย อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี
ซึ่งมีอาณาเขตของตำบลอยู่ติดตำบลบ้านดอนคา รวมถึงมีการอาศัยอยู่ของชาวชาติพันธุ์ลาวเวียงในพื้นที่ตำบล  พลับพลาไชยเช่นเดียวกัน จากข้อมูลในเอกสารแผนพัฒนาท้องถิ่น (พ.ศ. 2561-2565) ขององค์การบริหารส่วนตำบลพลับพลาไชย พบว่ามีการระบุภาษาถิ่นที่ใช้ในพื้นที่ดังกล่าวคือ ลาวเวียงจันทน์[4] (องค์การบริหารส่วนตำบลพลับพลาไชย, 2562, น.9) ทั้งนี้ คนในพื้นที่ของตำบลพลับพลาไชยมักเรียกตนเองว่า ลาวบ้านขาม รวมถึงการพัฒนาวงดนตรีแคนวัดโพธิ์ทองเจริญ ในตำบลพลับพลาไชย ให้มีรูปแบบของการบรรเลง และรูปแบบของวงดนตรีเป็นของตนเอง จึงใช้ชื่อวัฒนธรรมเป็นของตนเองว่า “วัฒนธรรมลาวบ้านขาม”[5]

วัฒนธรรมดนตรีและการบรรเลงวงแคนประยุกต์ของตำบลพลับพลาไชย มีความคล้ายคลึงกันกับวัฒนธรรมดนตรีและวงดนตรีแคนประยุกต์ของตำบลบ้านดอนคา แต่ทั้งนี้ คนในพื้นที่รวมถึงผู้นำชุมชนของอำเภอพลับพลาไชยต่างต้องการที่จะผลักดันให้วัฒนธรรมดนตรีและวงดนตรีแคนประยุกต์ของตนเองมี  อัตลักษณ์และคงอยู่สืบทอดต่อกันมา โดยทำการบรรเลงและฝึกซ้อมอยู่ที่วัดโพธิ์ทองเจริญ หรือเดิมเรียกว่าวัดบ้านขาม ซึ่งมีความเป็นมาจากเดิมเป็นเพียงวัดเล็กๆร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาแตก จนชาวบ้านล้านช้างหลวงพระบางมีการอพยพถิ่นฐานมาอาศัยใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารในสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
โดยอาศัยอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มและตั้งเป็นหมู่บ้านขึ้น โดยมีการบูรณะวัดร้างเพื่อใช้ทำกิจกรรมทางศาสนา
และเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวบ้าน และตั้งชื่อว่า วัดบ้านขาม โดยมีพระภิกษุจาริกธุดงค์มาจากเวียงจันทน์ ชื่อ      พระอาจารย์พู มาจำพรรษาเป็นองค์แรก ขึ้นทะเบียนเป็นวัดในคณะสงฆ์ไทย เมื่อปี พ.ศ. 2447 โดยมีชื่อใหม่  ว่า วัดโพธิ์ทองเจริญ เพราะมีต้นโพธิ์มีใบสีเหลืองเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อปี พ.ศ. 2471 ได้รับแต่งตั้งเป็นหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลพลับพลาไชย (อปต.)
เมื่อปี พ.ศ. 2525 ได้มีการพัฒนาบูรณปฏิสังขรณ์ ก่อสร้างเสนาสนะเรื่อยมา โดยอดีตเจ้าอาวาสและเจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน ด้วยความร่วมมือร่วมใจของขาวบ้านขาม และผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนา เจ้าอาวาสปัจจุบันคือ พระครูภาวนาโพธิวงศ์ สุหชฺโช[6]

จากการที่วัดเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านในพื้นที่ตำบลพลับพลาไชย จึงทำให้วงดนตรีแคนประยุกต์ได้เข้ามาบรรเลงและฝึกซ้อมกันในวัดโพธิ์ทองเจริญ อีกทั้งท่านพระครูภาวนาโพธิวงศ์ สุหชฺโช ในสมัยก่อนภายหลังจากสึกจากการเป็นสามเณรตอนอายุ 14 ปี ได้เห็นครูดวงตา (ผู้บรรเลงแคนวัดโพธิ์ทองเจริญ) ซึ่งเป็นนักเป่าแคนในพื้นที่ตำบพลับพลาไชย การเห็นการเป่าแคนเป็นต้นแบบที่น่าสนใจ แล้วเกิดความสนใจและอยากจะฝึกเป่าแคน ถึงแม้ตนเองจะมีพื้นฐานการเป่าแคนอยู่แล้ว ภายหลังจึงได้เดินทางไปศึกษาการเป่าแคนและการลำที่จังหวัดขอนแก่น จากนั้นย้ายไปเรียนเป่าแคนที่จังหวัดร้อยเอ็ด จนภายหลังกลับมาที่ตำบลพลับพลาไชย แล้วจึงได้บวชเป็นพระ จนมาเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดโพธิ์ทองเจริญในปัจจุบัน[7] ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงได้มีความสนใจและสนับสนุนวัฒนธรรมดนตรีวงแคนประยุกต์ของตำบลพลับพลาไชย โดยให้สถานที่ในการฝึกซ้อมและบรรเลงอยู่ที่วัดโพธิ์ทองเจริญมาจนถึงปัจจุบัน

 

3. บทบาทหน้าที่การบรรเลงวงแคนประยุกต์ของตำบลพลับพลาไชย

       วงดนตรีแคนวัดโพธิ์ทองเจริญ ตำบลพลับพลาไชย มีหน้าที่ในการบรรเลงตามงานประเพณีต่าง ๆ ของชุมชน อาทิ งานประเพณีสงกรานต์ แห่เทียนพรรษา สรงน้ำพระ และงานปริวาสกรรมที่มีเป็นประจำทุกปี[8] โดยจากเดิมที่เรียกว่า “วงดนตรีแคน” ไม่มีคำว่าประยุกต์ เนื่องจากใช้ในการบรรเลงทำนองเพลงพื้นบ้านเพียงอย่างเดียว และใช้เครื่องดนตรีเพียงไม่กี่ชิ้น แต่ในปัจจุบัน ได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการบรรเลงที่แตกต่างกันไปให้ทันต่อยุคสมัย ที่เรียกว่า “วงแคนประยุกต์” โดยนำเครื่องดนตรีแคน พิณ ฉิ่ง ฉาบ กรับ และกลองสองหน้า มาบรรเลงร่วมกัน ทั้งบทเพลงพื้นบ้าน บทเพลงไทย-ลูกทุ่ง หมอลำ โดยมีการใช้เครื่องขยายเสียงไฟฟ้าช่วยให้เสียงมีความดังมากขึ้นตามความเหมาะสมของการใช้งาน และในสถานที่ต่าง ๆ

ลักษณะการบรรเลงของวงแคนประยุกต์จะทำการบรรเลงบทเพลงทุกรูปแบบ โดยเฉพาะเพลงยุคใหม่ประเภทเพลงลูกทุ่งที่เป็นแม่ไม้เพลงไทยจากศิลปิน สุรพล สมบัติเจริญ ไวพจน์ เพชรสุพรรณ รุ่งเพชร แหลมสิงห์ และชาย เมืองสิงห์ เป็นต้น นอกจากบทเพลงลูกทุ่งที่นำมาใช้ในการบรรเลงแล้ว ยังมีบทเพลงพื้นบ้านที่เป็นที่นิยมหลัก ๆ มีแม่แบบของทำนองที่เรียกว่า “ลายแคน” คำว่าลาย ในความหมายของอาจารย์กีระติวจน์ ธนภัทธุวานันท์ ให้ความหมายของคำว่า ลาย เป็นคำที่แสดงถึงลักษณะเฉพาะที่มีความแตกต่างกันไปของท่วงทำนองเดิมเพลงเดิมหรือระดับเสียงเดิมของแคนทั้งหมดที่มีอยู่ ซึ่งส่วนที่แตกต่างไปจากเดิมจะมีชื่อเรียกเฉพาะเพื่อให้ทราบถึงความแตกต่างไปจากเดิม เช่น ลายสุดสะแนน ลายลมพัดพร้าว ลายแมงภู่ตอมดอกไม้ เป็นต้น[9]

เพลงพื้นบ้านที่มีท่วงทำนองของลายแคนที่มีการบรรเลงอยู่ในวงแคนประยุกต์วัดโพธิ์ทองเจริญ
ตำบลพลับพลาไชย มีลายแม่แบบที่ใช้บรรเลงลายต่าง ๆ มีดังนี้

ลายอ่านหนังสือใหญ่ เป็นลายทำนองแคนที่ใช้บรรเลงประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
โดยมีการบรรเลงเดี่ยวแคนในทำนองลายอ่านหนังสือใหญ่ บรรเลงคลอประกอบกับการอ่านคัมภีร์ อ่านตำรา       บทสวด บทคาถา หรือการร่ายคาถาไปโดยที่หมอแคนจะเป่าลายอ่านหนังสือใหญ่ประกอบเข้าด้วย เพราะลายอ่านหนังสือใหญ่ เป็นลายที่ฟังแล้วทำให้เกิดความรู้สึกถึงความศรัทธา ทำให้มีสมาธิ หรือฟังแล้วเกิดอารมณ์ที่ห้าวหาญ ขึ้นอยู่กับอารมณ์และสถานการณ์ของผู้ฟัง[10]

ลายสุดสะแนน มีลักษณะของลายที่มีทำนองสนุกสนาน เร้าใจ มีจังหวะกระชับใช้ประกอบการลำทางสั้น (ลำกลอน) สำหรับหมอแคน[11] คำว่า สุดสะแนน เป็นคำที่เพี้ยนมาจากคำว่าสายแนน เป็นภาษาพูดของคนอีสาน หมายถึง การมีเยื่อใย มีความผูกพันต่อกัน ซึ่งลายสุดสะแนนถือเป็นลายแม่แบบ ลายครูที่มีความไพเราะ

ลายเต้ย เป็นลายเบ็ดเตล็ด คำว่าเต้ย หมายถึงการเกี้ยวพาราสีของหนุมสาว มีอารมณ์สนุกสนาน ประกอบไปด้วย 4 ทำนอง ได้แก่ เต้ยธรรมดา เต้ยหัวโนนตาล เต้ยโขง และเต้ยพม่า

ลายเซิ้ง ใช้ประกอบพิธีกรรมเซิ้ง เช่น เชิ้งแห่นางแมว เซิ้งบั้งไฟ เป็นลายดนตรีประกอบคำร้องเซิ้ง ร้องประกาศ หรือร้องบอก

จากลักษณะของแม่แบบทำนองลายทำนองแคนแม่แบบดังกล่าว  ยังมีอีกหลายลาย ที่ใช้ในการบรรเลงในบทเพลงพื้นบ้านของวงแคนประยุกต์วัดโพธิ์ทองเจริญ ตำบลพลับพลาไชย โดยการเลือกนำทำนองมาบรรเลงให้เหมาะสมกับสถานการณ์และโอกาสของงาน โดยขึ้นอยู่กับปฏิภาณของผู้บรรเลงว่าจะเลือกใช้บทเพลง และลายใดมาใช้ในการบรรเลงได้อย่างเหมาะสม จึงทำให้เห็นได้ว่าลักษณะของการบรรเลงวงแคนประยุกต์ มีการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมของชาติพันธุ์ รวมไปจนถึงการปรับเปลี่ยนรูปแบบการบรรเลงตามยุคสมัยเพื่อความอยู่รอดของวงแคนประยุกต์เพื่ออนุรักษ์และสืบสานต่อ และเพื่อการสร้างอาชีพให้กับ
นักดนตรีในวง ถึงแม้ว่ารูปแบบการบรรเลงจะมีความคล้ายคลึงกันกับวงดนตรีแคนในพื้นที่ใกล้เคียง
แต่ชาวบ้าน ผู้นำชุมชน และหน่วยงานในพื้นที่ ต่างให้การสนับสนุนและผลักดันให้วงแคนประยุกต์วัดโพธิ์ทองเจริญได้มีการสืบทอดและอยู่คู่ประเพณีของตำบลพลับพลาไชยต่อไปอย่างยั่งยืน

 

4. ประเด็นปัญหาที่พบของวงดนตรีแคนวัดโพธิ์ทองเจริญ

เนื่องจากวงดนตรีแคนประยุกต์ในพื้นที่ตำบลพลับพลาไชย ยังไม่ถูกเผยแพร่และเป็นที่รู้จักมากนัก เนื่องจากมีพื้นที่ติดกับตำบลบ้านดอนคา ที่มีวงแคนประยุกต์ที่มีชื่อเสียงมากกว่า 10 วง ลักษณะของการจ้างงานบรรเลงทั้งในและนอกพื้นที่ตำบลพลับพลาไชย มักว่าจ้างวงแคนประยุกต์จากตำบลบ้านดอนคามากกว่า เนื่องจากสามารถติดต่อได้ง่าย วงดนตรีแคนประยุกต์เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป และได้รับการสนับสนุนด้านการเผยแพร่และให้อาชีพกับวงดนตรี โดยการสนับสนุนให้บรรเลงในงานบุญ และพิธีกรรมต่าง ๆ ของท้องถิ่นตนเองและใกล้เคียง ดังนั้น ประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นของวงดนตรีแคนวัดโพธิ์ทองเจริญ ตำบลพลับพลาไชย
มีประเด็นปัญหาที่สำคัญดังต่อไปนี้

4.1 วงดนตรีแคนวัดโพธิ์ทองเจริญยังไม่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย โดยจากการศึกษาข้อมูลด้านการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์จากหน่วยงานในพื้นที่ทางอินเทอร์เน็ต ยังไม่ปรากฏพบภาพหรือผลงานการบรรเลงของวงดนตรีแคนวัดโพธิ์ทองเจริญ โดยเฉพาะภาพกิจกรรมงานบุญของตำบลพลับพลาไชย ที่ไม่ปรากฏว่ามีวงดนตรีแคนประยุกต์วงดังกล่าวร่วมบรรเลงในงานเหล่านั้น

4.2 เยาวชนในพื้นที่ไม่ให้ความสนใจในการสืบทอดการบรรเลง เนื่องจากบทบาทการบรรเลงของวงแคนประยุกต์มักใช้ในการบรรเลงประกอบงานพิธีทางศาสนา งานประเพณีท้องถิ่น โดยมีเพียงวัยผู้ใหญ่และวัยผู้สูงอายุบรรเลงวงดนตรีแคนให้เห็นตามงาน จึงทำให้เยาวชนมองเห็นว่าเป็นวงดนตรีสำหรับผู้สูงอายุเท่านั้น และเยาวชนขาดความสนใจ และขาดแรงจูงใจในการที่อยากจะมาบรรเลง

4.3 ถึงแม้สถานศึกษาได้เคยใช้กระบวนการของการนำการบรรเลงแคนเข้าไปในหลักสูตรของสถานศึกษาในระดับประถมศึกษา แต่ก็ไม่สามารถที่จะทำให้เยาวชนได้เรียนรู้ต่อยอดไปสู่การบรรเลงในระดับที่ออกงานได้ เมื่อต้องจบการศึกษาไป ก็จะไปเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น ก็จะทำให้ไม่ได้ฝึกฝนการบรรเลงแคนอีก

จากประเด็นปัญหาที่พบของวงดนตรีแคนวัดโพธิ์ทองเจริญดังกล่าว เป็นเพียงประเด็นปัญหาหลักที่สำคัญ และมีผลต่อเนื่องไปสู่ปัญหาของการไม่มีผู้สืบทอดการบรรเลง และความพยายามหาแนวทางแก้ไขปัญหาโดยความร่วมมือของหน่วยงานท้องถิ่น วัด และชาวบ้านในพื้นที่ในการที่จะส่งเสริม สนับสนุน อนุรักษ์ และหาผู้สืบทอดนั้น แต่ยังไม่เกิดผลลัพธ์ให้เห็นเท่าที่ควร ดังนั้น ประเด็นปัญหาดังกล่าวมานี้ เกิดจากข้อมูลที่ได้จากการสอบถาม สัมภาษณ์ การศึกษาและสำรวจข้อมูลของนักศึกษาในกระบวนการวิศวกรสังคม จึงได้มาซึ่งประเด็นปัญหาดังกล่าว แล้วจึงนำมาคิดวิเคราะห์เพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาต่อไป

5. บทสรุป และแนวทางแก้ไขปัญหา

บทสรุปของปัญหาดังกล่าว เริ่มต้นที่การสร้างนวัตกรรมแผนการจัดตั้งชมรมวัฒนธรรมลาวบ้านขาม จากการจัดเวทีเสวนาแลกเปลี่ยนด้านการหาแนวทางจัดตั้งชมรม ได้รับความเห็นชอบจากผู้ที่เกี่ยวข้องกับชุมชน อาทิ หน่วยงานองค์การบริหารส่วนตำบลพลับพลาไชย วัดโพธิ์ทองเจริญ ผู้บริหารสถานศึกษาผู้นำชุมชน และกรรมการโรงเรียนผู้สูงอายุ ร่วมกันออกแบบโครงสร้างของชมรม โดยจะนำไปหารือเรื่องการสรรหาและแต่งตั้งคณะกรรมการชมรม โดยมีที่ปรึกษาคือเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ทองเจริญ และนายกองค์การบริหารส่วนตำบลพลับพลาไชย และวิทยาลัยการดนตรี มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา เป็นผู้ประสานการจัดตั้งชมรม และออกแบบกิจกรรมการดำเนินงานให้กับชมรมต่อไป

Screenshot 2567-08-21 at 10.53.10

ภาพที่ 2 และ ภาพที่ 3 เวทีเสวนาหารือการจัดตั้งชมรมวัฒนธรรมลาวบ้านขาม

ที่มา : ณัฐศรัณย์ ทฤษฎิคุณ (2566)

จากภาพที่ 2 และ ภาพที่ 3 เวทีเสวนาหารือการจัดตั้งชมรมวัฒนธรรมลาวบ้านขาม ได้มีข้อเสนอแนะจากนักศึกษาและคณาจารย์ของวิทยาลัยการดนตรีตามประเด็นปัญหาหลักที่เกิดขึ้น ดังนี้

 

5.1 วงดนตรีแคนวัดโพธิ์ทองเจริญยังไม่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย โดยมีข้อเสนอแนะด้วยการให้มีการประชาสัมพันธ์วงดนตรีแคนประยุกต์วัดโพธิ์ทองเจริญให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น รวมถึงการร่วมแรงร่วมใจกันสนับสนุนวงดนตรีแคนของชุมชนของตนเองให้วงดนตรีแคนมีส่วนร่วมในงานต่าง ๆ พร้อมการให้มีหลักฐาน ผลงานการร่วมบรรเลงในงานบุญต่าง ๆ ให้มากขึ้น อีกทั้ง การจัดตั้งเพจเฟสบุค (Page facebook) ของวงดนตรีแคนประยุกต์เพื่อใช้ในการประชาสัมพันธ์ผลงานของตนเองในงานต่าง ๆ และสามารถติดต่อรับงานในพื้นที่ได้ นอกจากนี้ ยังมีการให้ข้อเสนอแนะให้วงดนตรีอยู่คู่ไปกับประเพณีและงานบุญต่าง ๆ ของชุมชนให้มากขึ้น และการปรับรูปแบบวงดนตรีที่มีทั้งขนาดเล็ก จำนวน 1-3 คน และมากกว่า 3 คน ขึ้นอยู่กับขนาดของงาน และกำลังจ้างของเจ้าของงาน โดยข้อเสนอแนะของการดำเนินการดังกล่าวมานี้ อยู่ภายใต้กิจกรรมการดำเนินงานของชมรมวัฒนธรรมลาวบ้านขาม เพื่อให้เกิดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทั้งในด้านของการบริหารจัดการด้านต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ

5.2 เยาวชนในพื้นที่ไม่ให้ความสนใจในการสืบทอดการบรรเลง โดยจากประเด็นปัญหาดังกล่าวมานี้ ชุมชนพยายามผลักดันอย่างเต็มที่ แต่ยังไม่เกิดผลลัพธ์เชิงประจักษ์เท่าที่ควร โดยนักศึกษาและคณาจารย์ได้ให้ข้อเสนอแนะในเรื่องของการสร้างแรงจูงใจให้เยาวชนหันมาสนใจในการบรรเลง เช่น จัดตั้งวงดนตรีแคนเยาวชน โดยเยาวชนที่เข้าร่วมจะได้มีผลงานการเข้าร่วมแสดงดนตรีของชุมชน และเก็บหลักฐานผลงาน เช่น เกียรติบัตร ภาพถ่าย เพื่อทำเป็นแฟ้มสะสมงานด้านความสามารถพิเศษทางดนตรี เป็นโอกาสในการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นต่อไปได้

5.3 ประเด็นปัญหาของการจัดให้การบรรเลงแคน และวงแคนประยุกต์เข้าไปอยู่ในหลักสูตรของสถานศึกษา แต่ยังไม่เกิดผลลัพธ์ในการต่อยอดการบรรเลงเมื่อนักเรียนจบการศึกษาไปแล้ว ขาดการบรรเลงอย่างต่อเนื่องจนไปไม่ถึงขั้นการบรรเลงอย่างชำนาญ ดังนั้น นักศึกษาและคณาจารย์จึงให้ข้อเสนอแนะให้มีการจัดการส่งเสริมให้เป็นกิจกรรมวงดนตรีแคนในสถานศึกษา โดยความร่วมมือกับสถานศึกษาและองค์การบริหารส่วนตำบลพลับพลาไชยที่พร้อมผลักดันให้มีการประกวดวงดนตรีแคนในพื้นที่ตำบลพลับพลาไชย และให้รางวัลผลงานให้เป็นแฟ้มสะสมงานของนักเรียนที่เข้าประกวด และรางวัลแก่ครูที่เป็นผู้ฝึกซ้อม รวมถึงการใช้งบประมาณส่วนหนึ่งในการว่าจ้างนักดนตรีในวงดนตรีแคนประยุกต์วัดโพธิ์ทองเจริญให้เป็นวิทยากรผู้สนให้กับตามโรงเรียนในพื้นที่ต่อไป

จากแนวทางการแก้ไขในประเด็นปัญหาหลักที่พบดังกล่าว ทำให้เห็นว่าในข้อเสนอแนะบางประเด็นจะต้องนำมาประสานงานและพูดคุยกันอีกครั้ง ภายหลังจากการจัดตั้งชมรมและมีคณะกรรมการดำเนินการของชมรมเรียบร้อยแล้ว โดยข้อเสนอแนะเป็นเพียงการแนะนำแนวทาง ซึ่งคนในพื้นที่เท่านั้นที่จะสามารถทราบว่าสามารถนำไปปฏิบัติได้มากน้อยเพียงใด

บทสรุปของแนวทางที่เกิดขึ้นของวงดนตรีแคนประยุกต์วัดโพธิ์ทองเจริญ ตำบลพลับพลาไชย อำเภอ อู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี โดยภายหลังที่มีการจัดตั้งชมรมวัฒนธรรมลาวบ้านขามจนได้รายชื่อคณะกรรมการชมรมเสร็จสิ้นแล้ว จึงทำการนัดหมายเพื่อประชุมถึงวัตถุประสงค์ของการดำเนินงานของชมรม โดยมอบหมายให้วิทยาลัยการดนตรี เป็นผู้ออกแบบกิจกรรมและการดำเนินงานของชมรม เพื่อเอามานำเสนอให้กับคณะกรรมการชมรมได้หารือและมีมติข้อตกลงร่วมกันต่อไป โดยแนวคิดของกิจกรรมจะต้องมุ่งเน้นให้คนในชุมชนทุกช่วงวัยได้มีส่วนร่วมกับวัฒนธรรมของชุมชน จากรากฐานของทรัพยากรและประเพณีที่มีการจัดมาอย่างสม่ำเสมอ เช่น งานบุญวันพระใหญ่ และประเพณี 12 เดือน ที่จะต้องทำการศึกษาข้อมูลถึงกิจกรรมของในวันดังกล่าว เพื่อที่จะให้กิจการของชมรมได้มีส่วนร่วมในการพัฒนารูปแบบกิจกรรมให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของชมรมได้อย่างเหมาะสม

[1] มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร, เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ การพัฒนา Soft Skills ให้กับนักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม ปีการศึกษา 2565. เข้าถึงเมื่อ 2 กรกฎาคม 2566, เข้าถึงได้จาก https://sdd.snru.ac.th/wp-content/uploads/

[2] สนอง คลังพระศรี. แคนวง : ขนาด จำนวน ชนิด ทางเสียง และโน้ตแคน. วารสารทีทัศน์วัฒนธรรม, 2564, 20(2). 168-169.

[3] วรรณพร บุญญาสถิต และคณะ, พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของกลุ่มชาติพันธุ์ลาวเวียง อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี,

  วารสารวิทยาลัยนครราชสีมา,  2560, 11(1), 29-36.

[4] องค์การบริหารส่วนตำบลพลับพลาไชย, แผนพัฒนาท้องถิ่น : แผนยุทธสาสตร์การพัฒนา (พ.ศ. 2561-2565), เข้าถึงเมื่อ 2 กรกฎาคม 2566, เข้าถึงได้จาก

https://plubplachai.go.th/public/list/data/detail/id/1039/menu/1196/page/1/catid/65

[5] พระครูภาวนาโพธิวงศ์ สุหชฺโช, สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2566

[6] ศูนย์ข้อมูลสารสนเทศคณะสงฆ์ภาค 14, วัดโพธิ์ทองเจริญ, 2566, เข้าถึงเมื่อ 2 กรกฎาคม 2566 เข้าถึงได้จาก https://www.sangha14.org/index.php?url=temple&id=94

[7] พระครูภาวนาโพธิวงศ์ สุหชฺโช, สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2566

[8] องค์การบริหารส่วนตำบลพลับพลาไชย, แผนพัฒนาท้องถิ่น : แผนยุทธสาสตร์การพัฒนา (พ.ศ. 2561-2565), เข้าถึงเมื่อ 2 กรกฎาคม 2566, เข้าถึงได้จาก

https://plubplachai.go.th/public/list/data/detail/id/1039/menu/1196/page/1/catid/65

[9] ชาติอาชา พาลีละพสิษฐ์กุล. ทักษะการเป่าแคนขั้นพื้นฐาน. เอกสารประกอบการสอน สาขาดนตรีพื้นบ้าน วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. 2564 24.

[10] พระครูภาวนาโพธิวงศ์ สุหชฺโช, สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2566

[11] โยธิน พลเขต, ความรู้เกี่ยวกับลายพื้นบ้านอีสาน. วิทยาลัยนาฎศิลปร้อยเอ็ด สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์. เข้าถึงเมื่อ 2 กรกฎาคม 2566, เข้าถึงได้จาก http://media.bpi.ac.th/admin/attach/w2/f20180927192142_WbUG9EYvDA.pdf

รายการอ้างอิง

ชาติอาชา พาลีละพสิษฐ์กุล. ทักษะการเป่าแคนขั้นพื้นฐาน. เอกสารประกอบการสอน สาขาวิชาดนตรีพื้นบ้าน วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. 2564

ศูนย์ข้อมูลสารสนเทศคณะสงฆ์ภาค. (2566) . วัดโพธิ์ทองเจริญ. ค้นเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2566 จาก

https://www.sangha14.org/index.php?url=temple&id=94

วรรณพร บุญญาสถิ, ฉันทัส เพียรธรรม และเทพธิดา ศิลปะบรรเลง. (2560). พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของกลุ่มชาติพันธุ์ลาวเวียง อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี. วารสารวิทยาลัยนครราชสีมา. 11(1).
26-38.

มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร, เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ การพัฒนา Soft Skills ให้กับนักศึกษาด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม ปีการศึกษา 2565. (2565). เข้าถึงเมื่อ 2 กรกฎาคม 2566, เข้าถึงได้จาก https://sdd.snru.ac.th/wp-content/uploads/

พระครูภาวนาโพธิวงศ์ สุหชฺโช, สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2566

สนอง คลังพระศรี. แคนวง : ขนาด จำนวน ชนิด ทางเสียง และโน้ตแคน. วารสารทีทัศน์วัฒนธรรม, 2564, 20(2). 168-185.

โยธิน พลเขต, ความรู้เกี่ยวกับลายพื้นบ้านอีสาน. วิทยาลัยนาฎศิลปร้อยเอ็ด สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์. เข้าถึงเมื่อ 2 กรกฎาคม 2566, เข้าถึงได้จาก http://media.bpi.ac.th/admin/attach/w2/f20180927192142_WbUG9EYvDA.pdf

องค์การบริหารส่วนตำบลพลับพลาไชย. (2562). แผนพัฒนาท้องถิ่น : แผนยุทธศาสตร์การพัฒนา (พ.ศ. 2561-2565). ค้นเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2566 จาก https://plubplachai.go.th/public/list/data/detail/id/1039/menu/1196/page/1/catid/65